วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การสถาปนากรุงสุโขทัยและการปกครอง

การสถาปนากรุงสุโขทัย
       ก่อนที่กรุงสุโขทัยจะถูกสถาปนาขึ้น  ดินแดนบริเวณนั้นตั้งแต่ภาคเหนือเรื่อยลงมาถึงลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและอ่าวไทย ตกอยู่ใต้การควบคุมของขอมทั้งสิ้น แต่หากเป็นพื้นที่ตั้งแต่ปากน้ำโพขึ้นไป จะถือเป็นเขตแดนของเมืองสยาม โดยมีสุโขทัยเป็นศูนย์กลางการปกครอง ส่วนดินแดนทางตอนใต้ใต้ นับตั้งแต่ปากน้ำโพลงไปอ่าวไทย ถือเป็นที่ตั้งของอาณาจักรละโว้
       ในปี พ.ศ.  1780  มีผู้นำ อันได้แก่ พ่อขุนบางกลางหาวหรือพ่อขันบางกลางท่าวผู้เป็นเจ้าเมืองบางยาง  และพ่อขันผาเมืองผู้เป็นเจ้าเมืองราช ทั้งสองได้ร่วมมือกันรวบรวมกำลังพลที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อหวังที่จะเข้ายึดเมืองเมืองสุโขทัย และเมืองโดยรอบที่เป็นสมบัติของขอม จากนั้นจึงสถาปนาให้เป็นกรุงสุโขทัย ภายใต้การปกครองของพ่อขุนบางกลางหาวแห่งราชวงศ์พระร่วง โดยทรงมีพระนามว่า  “พ่อขุนศรีอินทราทิตย์”  และหลังจากการครองราชย์ของพระองค์ ก็ยังคงมีกษัตริย์สืบต่อกรุงสุโขทัยต่อไปอีก รวมถึง  9  พระองค์ ดังต่อไปนี้
ลำดับกษัตริย์แห่งราชวงศ์สุโขทัย
  1. พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ในปี พ.ศ.  1781
  2. พ่อขุนบางเมือง สืบบัลลังก์ต่อจากพระบิดา (พ่อขุนศรีอินทราทิตย์) โดยพระองค์เป็นโอรสองค์ที่สองของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ สิ้นรัชกาลในปี  พ.ศ.  1820
  3. พ่อขุนรามคำแหงหรือชื่อเดิมคือร่วง  ตั้งแต่ครั้งที่ชนช้างชนะเจ้าเมืองฉอด  พระบิดา(พ่อขุนศรีอินทราทิตย์) จึงทรงพระราชทานนามใหม่ให้ว่า  “รามคำแหง”  พระองค์ถือเป็นโอรสของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เช่นกัน แต่มีมารดาชื่อนางเสือง  ทรงครองราชย์ตั้งแต่ปี  พ.ศ.  1822
  4. พ่อเจ้าเลอไทย ขึ้นครองราชย์เมื่อปี พ.ศ. 1843
  5. พระยางั่วนำถม ตำนานไม่ปรากฏชัดว่าเริ่มรัชกาลเมื่อใด ทราบแต่เพียงว่าสิ้นรัชกาลในปี  พ.ศ.  1890
  6. พระมหาธรรมราชาที่ 1  หรือ พญาลิไท ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ปี  พ.ศ.  1890 – 1917
  7. พระมหาธรรมราชาที่2  หรือ พระเจ้าไสยลือไท ขึ้นครองราชย์ช่วง  พ.ศ.  1917 -1942  โดยช่วงท้ายราชกาลเป็นช่วงเวลาที่กรุงสุโขทัยตกเป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา
  8. พระมหาธรรมราชาที่ 3  ขึ้นครองราชย์ในปี  พ.ศ.  1942 – 1962  ช่วงเวลาดังกล่าวนี้กรุงสุโขทัยได้ย้ายราชธานีจากที่เดิมมาตั้งเมืองใหม่อยู่ที่พิษณุโลก
  9. พระมหาธรรมราชาที่ 4  ขึ้นครองราชย์ในปี  พ.ศ.  1962 – 1981  พระองค์ถือเป็นกษัตริย์องศ์สุดท้ายก่อนสิ้นสุดราชวงศ์สุโขทัย
ในยุคแรกของการก่อตั้งอาณาจักรสุโขทัย เมืองที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่สุโขทัย และมีเมืองเล็กๆอยู่ที่เมืองเชลียง ที่ตั้งกระจัดกระจายตามลุ่มแม่น้ำปิง  วัง  ยม  และน่าน  ด้านเหนือของอาณาจักรติดกับเมืองแพร่  ด้านใต้ติดกับเมืองพระบาง (หรือปัจจันคือจังหวัดนครสวรรค์)
กล่าวกันว่ากรุงสุโขทัยในช่วงการปกครองของพ่่อขุนรามคำแห่ง เป็นช่วงเวลาที่มีการแผ่ขยายอาณาเขตไปได้อย่างกว้างขวาง ดังต่อไปนี้
พ่อขุนรามคำแหง
  • ทิศเหนือ  สุดเขตที่ล้านนาไทยในลำปาง
  • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ สุดเขตที่เมืองแพร่  น่าน  และพลั่ว (ปัจจุบันคืออำเภอปัว จังหวัดน่าน)  และหลวงพระบาง
  • ทิศตะวันออก  สุดเขตที่เมืองเวียงจันทน์และเวียงคำ
  • ทิศใต้ สุดเขตที่ปลายแหลมมลายู
  • ทิศตะวันตก  สุเดขตที่มหาสมุทรอินเดีย เรื่อยไปจนถึงเมืองฉอด  หวงสาวดี  ทวาย  และตะนาวศรี

หากนับรวมเวลาทั้งหมดที่กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อกันมา ตั้งแต่  พ.ศ.  1780 – พ.ศ.  1981  ก็ถือว่ายาวนานกินเวลาราว  200  ปีเลยทีเดียว  แต่เหตุเพราะในราวปี  พ.ศ.  1983  เกิดมีกลุ่มคนไทยอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ทางตอนใต้ของกรุงสุโขทัย ได้รวบรวมพลและสถาปนาอาณาจักรอีกแห่งขึ้นที่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา  โดยกลุ่มคนเหล่านี้มีพระรามาธิบดีที่  1  หรือ พระเจ้าอู่ทอง  เป็นผู้นำและถือเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของอาณาจักรอยุธยา
และเนื่องจากอาณาจักรอยุธยามีทำเลที่ตั้งเมืองที่ดีกว่า รวทถึงมีกษัตริย์ผู้ปกครองที่เข้มแข็ง พระเจ้าอู่ทองที่เป็นกษัตริย์อยู่ในชณะนั้นได้ขยายอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็สามารถยึดครองเอาอาณาจักรสุโขทัยมารวมเป็นหนึ่งในประเทศราชได้ ทำให้สมัยของพระมหาธรรมราชที่  2  ถือเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของการตั้งอยู่ของกรุงสุโขทัย และตั้งแต่ปี  พ.ศ.  1981  เป็นต้นมา กรุงสุโขทัยก็ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาในที่สุด
การปกครองสมัยสุโขทัย
     สมัยสุโขทัยมีการปกครองที่เรียกว่า “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์” ซึ่งหมายความว่าอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศจะขึ้นอยู่กับพระมหากษัตริย์เพียงผู้เดียว ทั้งนี้เนื่องจาก พื้นที่ของกรุงสุโขทัยไม่ได้กว้างขวางมากนัก รวมถึงประชากรในเมืองก็มีไม่มาก กษัตริย์จึงทำหน้าที่เป็นธรรมราชา และปกครองอาณาจักรในฐานะ ‘ผู้นำชุมชน’ หรือ ‘พ่อเมือง’ ได้โดยง่าย  ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า การปกครองของกรุงสุโขทัยในระยะเริ่มแรก จะมีลักษณะการปกครองที่เป็นแบบ “พ่อปกครองลูก” เสียมากกว่า แต่เมื่อล่วงเลยสมัยของพ่อขุนรามคำแห่งมหาราชไปแล้ว กรุงสุโขทัยก็ได้เปลี่ยนแปลงการปกครองไปตามอิทธิพลของขอม  ซึ่งนิยมจะยกย่องกษัตริย์ให้มีฐานะสูงขึ้น  ทำให้พระนามของกษัตริย์เปลี่ยนแปลงจากคำว่า “พ่อขุน” ไปเป็นคำว่า  “พญา” ในที่สุด
      เมื่อกล่าวถึงลักษณะการปกครองเมือง จะเป็นในรูปแบบการกระจายอำนาจจากศูนย์กลางของเมืองไปยังเมืองอื่นๆ  โดยมีเหตุผลเพื่อป้องกันไม่ให้ดินแดนอื่นๆถูกข้าศึกแย่งชิงไปเป็นเมืองขึ้นนั่นเอง อย่างไรตาม ลักษณะการปกครองในสมัยกรุงสุโขทัย ก็มีรูปแบบที่ปรับให้เข้ากับหลักการแห่งการปกครองโดยระบอบประชาธิไตยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เปิดโอกาสให้ประชาชนมีเสรีภาพในการเรียกร้องยุติธรรม เปิดโอกาสให้ประชาชนมีเสรีภาพในการค้า เปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น(ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น