พื้นที่บริเวณภาคเหนือทางตอนล่างหรือพื้นที่ทางตอนล่างของลุ่มแม่น้ำปิง ยม และน่าน ก่อนจะถูกรวมมาเป็นกรุงสุโขทัย ได้มีการพบร่องรอยการตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนขนาดเล็กมาก่อน โดยตั้งอยู่บนเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมต่อระหว่างรัฐหรืออาณาจักรโบราณ ที่ล้วนมีความมั่นคงด้านการเมือง ก้าวหน้าทางเทคนิควิทยา มีอารยธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และมีการยอมรับนับถือศาสนาต่างๆ อันได้แก่ อาณาจักรพุกามทางทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือ แคว้นหริภุญไชยในจังหวัดลำพูนและลำปาง แคว้นละโว้หรือลพบุรีและแคว้นนครชัยศรีในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำภาคกลาง
กำเนิดเมืองสุโขทัย
จากหลักฐานทางโบราณคดีที่สามารถสืบค้นได้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ก่อนจะมีการสถาปนากรุงสุโขทัยขึ้นมา ได้มีการตั้งบ้านเรือนของชุมชนในบริเวณนี้มาก่อนแล้ว และพัฒนาการของชุมชนเล็กๆเหล่านี้ ก็ได้ขยายตัวจนกลายเป็นชุมชนใหญ่ และพัฒนาไปเป็นบ้านเมืองในที่สุด
จากหลักฐานทางโบราณคดีที่สามารถสืบค้นได้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ก่อนจะมีการสถาปนากรุงสุโขทัยขึ้นมา ได้มีการตั้งบ้านเรือนของชุมชนในบริเวณนี้มาก่อนแล้ว และพัฒนาการของชุมชนเล็กๆเหล่านี้ ก็ได้ขยายตัวจนกลายเป็นชุมชนใหญ่ และพัฒนาไปเป็นบ้านเมืองในที่สุด
โดยข้อมูลที่ค้นพบจากหลักฐานทางโบราณคดี กล่าวไว้ว่า คนในสมัยนั้นมีการสร้างบ้านเรือนด้วยไม้ มีการล่าสัตว์และหาของป่าเพื่อประทังชีวิต อีกทั้งยังมีการเลี้ยงสัตว์ประเภทวัวควายเอาไว้ใช้งาน และมีการทำภาชนะดินเผาขึ้นเพื่อนำมาใช้เองในชีวิตประจำวันด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ชาวเมืองเหล่านี้ยังเรียนรู้การหลอมโลหะ และมีความสัมพันธ์ทางด้านการติดต่อค้าขายกับชุมชนอื่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียง และชุมชนที่อยู่ในบริเวณที่ห่างไกลออกไปด้วย
เมื่อถึงในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 18 ก็เป็นช่วงเวลาที่วัฒนธรรมเขมรได้เข้ามามีอิทธิพลต่อชุมชนเหล่านี้อย่างมากขึ้น ดังจะพบหลักฐานทางสถาปัตยกรรมและประติมากรรมที่หลากหลาย เช่น ศาลตาผาแดง ประติมากรรมหินทราย หรือ ปรางค์ 3 องค์ เป็นต้น แต่ในช่วงครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ 18 เราก็พบถึงหลักฐานที่ปรากฏตามหลักศิลาจารึกหลักที่ 2 (ศิลาจาจึกวัดศรีชุม) ไว้ว่า ในขณะนั้น พ่อขุนศรีนาวนำถมคือกษัตริย์ที่ขึ้นครองราชย์กรุงสุโขทัยและศรีสัชนาลัยอยู่ในขณะนั้น และเนื่องจากพระองค์ทรงมีสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับราชสำนักเขมร จึงได้ให้พ่อขุนผาเมืองผู้เป็นโอรสขึ้นครองราชย์ โดยมีพระราชธิดาของกษัตริย์เขมร เป็นมเหสีคู่กาย พร้อมได้รับราชทินนามว่า “กมรเตงอัญศรีอินทรบดินทราทิตย์” และ “พระขรรค์ชัยศรี” ที่แต่งตั้งจากกษัตริย์เขมรด้วย
แต่แล้วอิทธิพลของวัฒนธรรมเขมรในสุโขทัยก็เริ่มเสื่อมถอยลงหลังจากสิ้นรัชกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เมื่อปี พ.ศ. 1760 ซึ่งในขณะนั้น ผู้นำของคนไทย อันมี พ่อขุนผาเมือง และ พ่อขุนบางกลางหาว เป็นหลัก ได้ร่วมมือกัน โดยหวังจะกำจัดอำนาจของขอมสบาดโขลญลำโพงออกไปจากเมืองสุโขทัย และทั้งสองก็สามารถทำได้สำเร็จในปี พ.ศ. 1782 หลังจากนั้นเป็นต้นมา พ่อขุนผาเมืองก็ได้ถวายพระนามกมรเตงอัญศรีอินทรบดินทราทิตย์และถวายพระขรรค์ชัยศรี ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งกษัตริย์ ให้แก่พ่อขุนบางกลางหาว และถือว่ามีอำนาจในการปกครองเมืองสุโขทัย สืบแทนราชวงศ์ของพ่อขุนศรีนาวนำถม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น